วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ไปเกาะช้างงงงง........เย้ เย้

น้องพัฒน์มาเกาะช้างครั้งแรก    ในวันที่ 25-27 มิถุนายน 2554 สามวันสองคืน ที่ คชา รีสอร์ท แอนด์ สปา และคลองพร้าว รีสอร์ท



เริ่มต้นแวะกินอาหารเช้าที่ตราด ร้านป้าแช่ม ร้านริมทาง อาหารรสชาดธรรมดา ราคาแพง และที่่สำคัญจะไม่มีวันไปอีก ก็คือ น้องพัฒน์อึ แต่ที่ร้านไม่ให้เข้าห้องน้ำไปล้าง เลยต้องมายืนเช็ดหน้าห้องน้ำ  รู้สึกว่าร้านนี้มันทุเรศจริงๆ








น้ำตกนางรอง

น้องพัฒน์ไปเที่ยวน้ำตกนางรองมา เมื่อวันที่ 18-19 มิถุนายน 2554




วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โกนผมไฟ

หลังจากดูฤกษ์งามยามดี ก็ได้กำหนด โกนผมไฟ น้องพัฒน์ จนได้
วันที่ 31 ตุลาคม 2553 ออกเดินทางจากบ้านไปวัดประดู่  ซึ่งเราได้เตรียมกับข้าว และ เครื่องสังฆทานไปถวาย ด้วย



ก่อนออกเดินทาง มีรูปยายทวด และย่าเล็ก อุ้มน้องพัฒน์อยู่


ช่วงอยู่ที่วัดไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้เลยเพราะช่วงทำเราทุกคนพนมมือฟังหลวงพ่อสวดอย่างเดียว หลวงพ่อให้สายสิญจน์ ผูกข้อมือและเงินรับขวัญมา พอกลับออกจากวัด ก็ไป เซ็นทรัลพระรามสอง กันทั้งบ้าน ไปเดินดูของกิน ของใช้กัน  ได้ของน้องพัฒน์มาหลายอย่าง



โกนยังไม่เสร็จ



ผมน้องพัฒน์





อาบน้ำล้างผมซะหน่อย




ดอกอัญชัญและก้านพลู



เสริมสวยกันนิดนึง



มีคิ้วแว้ววว




หลังจากโกนผม เขียนคิ้ว น้องพัฒน์กลายเป็นตัวตลก ของครอบครัวเราไป หนึ่งวัน กว่าจะล้างคิ้วออก วันต่อมาล้างคิ้วออก ก็ยังฮา ๆ กันอยู่
เพิ่งมารู้ว่าน้องพัฒน์มีปานแดงอยู่บนหัวด้วย  ดูดีๆ คล้ายรูปหัวใจเหมือนกันนะ (ใช้จินตนาการหน่อย)




ปานแดงรูปหัวใจ



หลายคนบอกว่าโตไปก็จะหาย ถ้าไม่หายก็เป็นปานแหละ


วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สะดือหลุด

สะดือน้องพัฒน์หลุดแล้วเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2553         
ตอนแรกก็ไม่สังเกตพอไปอาบน้ำน้องพัฒน์ก็มาเห็นสะดือหายไปแล้ว  (แต่มันมีแววจะหลุดมาหลายวันแล้วล่ะ เหลือเส้นเล็กๆ เส้นเดียวที่ทำให้มันยังติดอยู่ )  พออาบน้ำเสร็จก็ไปหาตามผ้าอ้อมที่เปลี่ยนไปแล้ว ก็มาเจอจนได้สายสะดืออันน้อย


น้องพัฒน์ไม่มีสายสะดือแว้ว


บังเอิญมีเพื่อนคนหนึ่ง เลี่ยมกรอบพระเป็น เลยให้เพื่อนไปเลี่ยมใส่เก็บไว้หน่อย ไว้เป็นที่ระลึก เดี๋ยวจะเก็บไว้รวมกับ รอยมือ รอยเท้า

ทำตู้ให้น้องพัฒน์

มีแนวคิดจะหาตู้มาเก็บของน้องพัฒน์มานานแล้วล่ะ ตั้งแต่พิมท้องประมาณ 6-7 เดือน แต่หาแบบถูกใจไม่ได้ ที่สำคัญ ราคาแพงมาก เราเลยรู้สึกว่า มันต้องทำเองแล้วล่ะ หึหึๆๆๆ

เริ่มสำรวจความต้องการของตัวเอง แม่น้องพัฒน์ และตัวน้องพัฒน์เอง ว่าต้องการแบบไหน  ก็ได้ข้อสรุปดังนี้
  1. ต้องเป็นไม้จริง
  2. ต้องมีลิ้นชักเก็บของอย่างน้อย 2-3 ชั้น
  3. ต้องมีที่ไว้แขวนเสื้อผ้าได้
  4. มีที่เก็บเครื่องนอนของน้องได้
  5. ขนาดต้องพอดีปลายเตียงน้อง (เพราะห้องแคบ)
สรุปว่าเป็นความต้องการของพ่อซะหมด น้องพัฒน์ยังไม่มีความคิดเห็น

เริ่มไปซื้ออุปกรณ์ที่บางโพ ได้แก่ ไม้  เลื่อย กบไสไม้ รางลิ้นชัก มือจับ รวมราคาของเบ็ดเสร็จน่าจะสี่พันกว่าบาท (กบไสไม้ พันกว่าบาทแล้ว)


หน้าตากบไสไม้

เริ่มทำ ก็วัดพื้นที่ก็ได้ขนาดที่ต้องการ
ตัดไม้ตามแบบ


ขึ้นโครง


ปิดฝาหลัง

ใช้ตะปูกับน็อตสกรูเกลียวปล่อยในการยึดชิ้นงาน



พอสิ้นสุดวันทำงานก็เอาเครื่องมือไปเก็บไว้ก่อน

ทำได้ประมาณนี้ก็ต้องหยุดเพราะไม้หมด เราไม่ได้คำนวณไม้ส่วนที่จะมาทำลิ้นชัก เลยต้องไปซื้อไม้มาเพิ่มเพื่อทีจะได้ลิ้นชักไม้ด้วย
ทำไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักไม่ได้รีบเร่งอะไร แล้วก็ทำลิ้นชัก ทำบานประตูปิด ก็จะเสร็จเรียบร้อย





ค่อยๆ ทำลิ้นชัก


สภาพตอนทำ รกสุดๆ



ใส่มือจับ



ทำบานประตู


ใส่ราวแขวนผ้า

หลังจากนี้ทาสี ใส่มือจับ เล่นลวดลายก็จบแล้ว


ทำสีหวานแหวว


อยากบอกว่าสีเหลือจากทำตู้ให้พี่ อิอิ (ไม่ต้องซื้อสี)


มือจับเล่นลวดลายด้วย ฉากหลังเป็นเจ้าของตู้


เล่นลายซะหน่อยสวยขึ้นเป็นกอง


ใช้งานจริงแล้ววันที่ 11 พฤศจิกายน 2553 (ตรงกับวันที่่น้องข้าวถ้วยเกิด)


วางคู่กับเตียงสาวน้อย


เสร็จสิ้นกันซะที โปรเจคเล็กๆ ทำตู้ให้้น้องพัฒน์  ใช้เวลาทำนานมาก เพราะทำไปเรื่อยๆ คิดแบบไปเรื่อยๆ ไม่ได้เขียนแบบไว้ ตอนแรกสีที่ทาเป็นแบบบาง เห็นลายไม้มันเยอะไป ก็มาเปลี่ยนเป็นสีทึบ ก็ได้สีเขียวหวานๆ จากสีเหลือ จากตอนทำตู้ร้านขนมหวานให้พี่ ก็เลยประหยัดค่าสีไปในตัว และเล่นลายดอกไม้สีชมพูเอาใจเจ้าของซะหน่อย สวยขึ้นมาทันตาเห็น อย่างน้อยก็ประหยัดไปได้เยอะเพราะทำเอง และความภูมิใจเต็มตู้ไปอีกหลายสิบปี